
รัฐมนตรีท่องเที่ยวเปิดตัวโครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” ยกระดับย่านเมืองเก่า สู่ต้นแบบการท่องเที่ยวยั่งยืนในระดับสากล และเป็นพื้นที่แรกในประเทศไทยที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 พร้อมประกาศสนับสนุนภูเก็ตเป็นเจ้าภาพการประชุมท่องเที่ยวยั่งยืนโลกในปี 2569 ภูเก็ต – 24 พฤศจิกายน 2567
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายสรวงศ์ เทียนทอง) ได้เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” อย่างเป็นทางการ ณ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายกเทศบาลนครภูเก็ต ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมากชน) ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน พร้อมผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่น และผู้นำองค์กรเอกชนเข้าร่วม
โครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” ได้รับการริเริ่มโดย มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน และได้รับการขับเคลื่อนร่วมกันจาก เทศบาลนครภูเก็ต สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) และ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ซึ่งเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง ภาคราชการ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างต้นแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ตให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 พร้อมสร้างแบบอย่างด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนให้กับพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ
โครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” ได้ริเริ่มเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ บนพื้นฐานการส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ยั่งยืน การพัฒนาระบบขนส่งคาร์บอนต่ำ และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (นายโสภณ สุวรรณรัตน์) ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และการเติบโตของการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 มีการฟื้นตัวที่ดีมาก และดีกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทศ ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีที่การเติบโตเศรษฐกิจของภูเก็ตจะกลับมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้าคือความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากรในรวมถึงแนวโน้มแรงกดดันจากนานาประเทศที่เริ่มตั้งมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่จะมีความเข้มขันเรื่อย ภูเก็ตจึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ชัดเจน และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่กำลังตามมา”

นายสาโรจน์ อังคณาพิลาศ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่า “เทศบาลนครภูเก็ตยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของภูเก็ตในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ก้าวทันกับกระแสโลก และยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้เทศบาลนครฯ ได้ปรับรูปแบบการจัดการขยะในพื้นที่ย่านเมืองเก่า และจะประสานงานกับทางมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนในการดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของทุกฝ่าย

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนได้กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการออกแบบพื้นที่นำร่อง เพื่อนำมาศึกษาหาข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และหาวิธีการในการลดปริมาณคาร์บอน ให้ได้ 30% ใน 3 ปี และ 50% ในปี 2573 ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีระบบอัจฉริยะในการนับจำนวนยานพาหนะรอบย่านเมืองเก่า เพื่อสามารถคำนวนปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากยานพาหนะ รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลจากสำนักควบคุมมลพิษด้านค่าน้ำเสีย และข้อมูลขยะจากเทศบาลนครภูเก็ต ทำให้ผู้บริหารเมืองจะมองเห็นปริมาณขยะ ปริมาณคน และปริมาณยานพาหนะแบบ Real Time เพื่อการจัดการต่อไป รวมถึงมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนได้จัดซื่อเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ และติดตั้งในเขตย่านเมืองเก่า ซึ่งจะทำให้ลดปริมาณชยะอินทรีย์ที่นำไปฝังกลบลงได้อย่างน้อยวันละ 400 กิโลกรัม”

รศ.ดร ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ได้กล่าวว่า “BDI ได้เข้ามาสนับสนุนการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า Envi Link ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลทั้งในเชิงการรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยในโครงการนี้ BDI ได้สนับสนุนทั้งอุปกรณ์คือ กล้องวงจรปิดและระบบการประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ และการวิเคราะห์แนวโน้มของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันเกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวในย่ายเมืองเก่า”
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายสรวงศ์ เทียนทอง) ได้กล่าวในพิธีเปิดว่า “รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพและรับผิดชอบ ซึ่งเรียกกันว่า Responsible Tourism โดยให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้มีแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนให้สำเร็จในปี 2593 ดังนั้นการนำสองยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลมาปฏิบัติในพื้นที่นำร่อง ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ภายใต้โครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะขับเคลื่อนเมืองท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ทั้งแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และหมุดหมายของการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ และแนวทางที่ภูเก็ตได้ดำเนินการจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่นให้กับพื้นที่อื่นๆ ในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มุ่งสู่ความยั่งยืน ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อทำให้ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต กลายเป็นต้นแบบของเมืองท่องเที่ยวที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ให้บรรลุผลได้ด้วยความร่วมมือที่เข้มแข็งจากทุกภาคส่วน”
























































โครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030”ประกอบได้ด้วย การบริหารจัดการขยะจากชุมชน และนักท่องเที่ยว โดยมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนได้สนับสนุนถุงแยกขยะจำนวน 4 สีคือ สีฟ้า สำหรับขยะที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตจะดำเนินการกำจัดโดยเตาเผาขยะ สีเขียวคือ ขยะอินทรีย์ ที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตจะดำเนินการจัดเก็บเพื่อนำไปกำจัดด้วยเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ สีเหลืองสำหรับขยะที่สามารถนำไปแปรรูปได้ และสีชมพูคือ ไขมันในถังดักไขมัน รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่เพื่อการปรับลดให้ได้ตามเป้าหมายต่อไป โดยเป็นพื้นที่แรกในประเทศไทยที่มีการวางแนวทางในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 เป็นพื้นที่แรกในประเทศไทย